Sunday, February 21, 2016

Strawberry from 25 baht to 590 baht per kg


https://www.facebook.com/CompostClassroom/
พี่ดำรงค์ทำสวนสตรอเบอรี่ ที่บ้านบ่อแก้ว สะเมิง เชียงใหม่ .... ผมรู้จักพี่ดำรงค์มา 4 ปีแล้วครับ จากการที่ชาวบ้านบ้านบ่อแก้วถวายฎีกาสมเด็จพระเทพรัตนฯ ราชสุดา สยามบรมราชกุมารี ขอให้ท่านช่วยเรื่องปัญหาโรคระบาดแอนแทรกโนสในสตรอเบอรี่ ที่ทำให้สวนสตรอเบอรี่ที่มีพื้นที่ปลูกมากที่สุดในเชียงใหม่ต้องเสียหาย เกษตรกรเดือดร้อนขาดทุนเป็นจำนวนมาก 
ทาง ธ.ก.ส. ฝ่ายอารักขาพืชของโครงการหลวง และมหาวิทยาลัยแม่โจ้ จึงได้ร่วมมือกันบูรณาการความรู้แล้วนำไปปรับเปลี่ยนวิธีการปลูกและดูแลสวนสตรอเบอรี่ของชาวบ้านบ่อแก้วเสียใหม่ ..... ในตอนนั้นเราพบว่าดินปลูกของเกษตรกรมีค่าพีเอชดินเป็นกรดจัด มีค่า 4 สาเหตุจากการใช้ปุ๋ยเคมี ยาฆ่าหญ้า และสารเคมีอย่างมโหฬารและใช้ติดต่อกันอย่างยาวนาน .... พอดินเป็นกรด การระบาดของโรคจึงเกิดได้ง่าย
ดังนั้น งานของจารย์ลุงในตอนนั้นคือส่งเสริมให้เกษตรกรผลิตปุ๋ยหมักปริมาณมากแบบไม่พลิกกลับกองเพื่อนำไปปรับความเป็นกรดของดิน เมื่อดินมีพีเอชเป็นกลาง เชื้อโรคที่ชอบอยู่ในดินที่เป็นกรดก็อยู่ไม่ได้ โดย ธ.ก.ส.สนับสนุนค่ามูลสัตว์ในการทำปุ๋ยหมักของชาวบ้าน รวมทั้งการจัดฝึกอบรมและการเดินทางไปตรวจติดตามงาน
เป็นที่น่าเศร้าว่า มีเกษตรกรเพียงไม่กี่รายที่สามารถปรับเปลี่ยนวิธีการเพาะปลูก และเชื่อในสิ่งที่นักวิชาการลงไปช่วยสอน คือเลิกใช้ยาฆ่าหญ้า มีการจัดการในแปลงที่ดีแบบ GAP มีการทำน้ำหมักมูลสุกรบำรุงต้น ทำน้ำหมักชีวภาพไล่แมลง ทำปุ๋ยหมักแบบไม่พลิกกลับกองใช้ เปลี่ยนสายพันธุ์สตรอเบอรี่ ลดพื้นที่ลงให้เหลือไม่เกิน 5 ไร่เพื่อให้พอที่จะดูแลได้ทั่วถึง 
เราคุยกันเรื่องหลักความพอเพียงของในหลวงกับเกษตรกรกันด้วยครับ และได้ทำให้เกษตรกรไม่กี่รายเพียง 3 คนนั้น สามารถรอดพ้นปัญหาโรคแอนแทรกโนสได้ภายในเวลาเพียง 1 ปี นอกนั้นไม่ยอมปรับเปลี่ยน แต่คอยจะมองหายาวิเศษราคาแพงที่จะมารักษา ก็เลยขาดทุนเหมือนเดิมต่อไป
ผมไปเยี่ยมพี่ดำรงค์เกือบทุกปี ได้มองเห็นการลดต้นทุนของพี่ดำรงค์แล้วมีความสุข พี่ดำรงค์หดแปลงปลูกจาก 10 ไร่เหลือ 5 ไร่ เพื่อจะได้ดูแลหญ้าทัน จะได้ไม่ต้องใช้ยาฆ่าหญ้า ..... ปีนี้พี่ดำรงค์นำแปลง 5 ไร่เปลี่ยนเป็นปลูกกระเทียม เพื่อเปลี่ยนพืชที่ใช้ปลูกบ้าง ลดโรคในดินที่อาจมีการสะสม แล้วย้ายสตรอเบอรี่ไปปลูกในอีกแปลงในพื้นที่ 4 ไร่ ลงสตรอเบอรี่ไป 4 หมื่นต้น ... พี่ดำรงค์ไม่ใช้ยาฆ่าหญ้า ใช้ยาฉีดป้องกันเชื้อราบ้างแต่ไม่มาก ใช้ปุ๋ยเคมีบ้าง แต่ที่ใช้มากคือปุ๋ยหมักครับ ... ใน 4 ไร่ทำปุ๋ยหมักแบบไม่พลิกกลับกองหมดขี้วัวไป 200 กระสอบ หรือได้ปุ๋ยหมักเกือบ 7 ตัน .... พี่ดำรงค์บอกว่าตั้งแต่ปรับเปลี่ยนความคิด มาทำแบบใหม่ ตอนนี้สามารถลดค่าซื้อปุ๋ยและสารเคมีในพื้นที่ 4 ไร่นี้ได้ถึง 5 หมื่นบาท .... ทุกวันนี้ผลผลิตดี เป็นโรคน้อย ต้นแข็งแรง เก็บสตรอเบอรี่วันเว้นวัน เก็บกันถึงตี 2 ได้เงินเป็นกอบเป็นกำ .... ตอนนี้สวนของแกได้ตัว Q และ GAP จากกรมวิชาการเกษตรแล้ว
พี่เค้าปลูกต้นหอมในแถวสตรอเบอรี่และปลูกกะหล่ำปลีที่หัวแปลงด้วย เอาไว้กิน ที่เหลือขาย ได้เงินเพิ่มอีก และยังโชว์กองปุ๋ยหมักที่ต้องมีอยู่เสมอในแปลงเพื่อใช้บำรุงดินอีกด้วยครับ
สิ่งที่จารย์ลุงได้ทำงานไปอีกขั้นหนึ่ง คือพาแกไปพบกับผู้จัดการห้างริมปิงซุปเปอร์สโตร์ ที่มี 9 สาขาในเชียงใหม่ ที่ต้องการสตรอเบอรี่อินทรีย์ ปลอดภัยจากสารพิษไว้ขายให้ลูกค้า .... ในห้างนี้สตอรเบอรี่จะขายได้ กก.ละประมาณ 590 บาท ซึ่งเป็นราคาที่สูงกว่าที่แกเคยเอาไปขายส่งโรงงานในราคาเดียวกันกับสตอเบอรี่เคมีราคาแค่ กก.ละ 25 บาท ..... ได้ราคาสูงกว่าหลายเท่าตัวครับ 
อ่านแล้วมีความเห็นว่ายังไงบ้างครับ กับการเพาะปลูกที่ลดการพึ่งพาเคมีแบบนี้ การเพาะปลูกนอกคอกที่มีแต่ผลดี ลดปัญหา เพิ่มผลผลิต สุขภาพคนปลูกและผู้บริโภคก็ปลอดภัย ดินดี เงินก็ดี ทั้ง ๆ ที่ลดพื้นที่การทำลง .... ทำน้อยแต่ได้มาก .... แต่ในขณะที่มีตัวอย่างดี ๆ แบบนี้ เชื่อไหมครับว่าเกษตรกรส่วนใหญ่ที่นั่นก็ยังไม่ปรับเปลี่ยนและไม่ยอมเดินตามทางสายนี้ ด้วยเห็นว่ามันไม่ทันใจ .... น่าเสียดายนะครับ
อย่างนี้เองจึงจะเป็นการเกษตรที่ลดต้นทุน ดินดี โรคน้อย ผลผลิตราคาสูง ........ ทำน้อยแต่ได้มาก ..... พอเพียงแต่ยั่งยืน

No comments:

Post a Comment